วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ตำรวจเวร


ใครเป็นคนทำป้ายฟะ แล้วคุณตำรวจที่อยู่ด้านในนั่นนิสัยเป็นยังไงนะถึงได้โดนแบบนี้

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

พลังแห่งข้อความ

เราอาจไม่เคยสังเกตุข้อความหรือคำพูดที่เราสื่อสารไปนั้นส่งผลกระทบอย่างมากกับชีวิตเรา
บางที่แค่เปลี่ยนข้อความหนึ่งเป็นอีกข้อความหนึ่งจะทำให้เหตุการต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงได้

ดูวิดีโอตัวนี้แล้วจะเข้าใจ



เปลี่ยนคำพูดเปลี่ยนโลกได้

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

พระคุณพ่อแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดในโลก

มงคลที่ ๑๑.การบำรุงบิดามารดา

--------------------------------------------------------------------------------
Image

"ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย ไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์
เมื่อถึงเวลา ไม่ยอมออกดอกออกผล ก็ต้องโค่นทิ้ง

คนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
แต่ไม่ยอมตอบแทนคุณพ่อแม่ก็เป็นคนหนักแผ่นดิน
ทองคำแท้หรือไม่โดนไฟก็รู้ คนดีแแท้หรือไม่ ให้ดูตรงที่เลี้ยงพ่อแม่
ถ้าดีจริง ต้องเลี้ยงพ่อแม่ ถ้าไม่เลี้ยง แสดงว่าดีไม่จริง เป็นพวกทองชุบ ทองเก๊"



พระคุณของพ่อแม่


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน
ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านนั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ
แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด



ยังมีผู้อุปมาไว้ว่า หากเราใช้ท้องฟ้าแทนกระดาษ ยอดเขาพระสุเมรุแทนปากกาน้ำในมหาสมุทรแทนหมึก
เขียนบรรยายคุณของพ่อแม่ จนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอักษร ภูเขาสึกกร่อนจนหมด
น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งก็ยังบรรยายคุณของพ่อแม่ไม่หมด


Image


บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร สรุปโดยย่อคือ


๑.เป็นต้นฉบับทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลายในโลกมีค่าสูงขึ้น

ตัวอย่างเช่นก้อนดินเหนียวธรรมดา ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา
ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมาเป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้
หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีกเช่นแบบเป็นพระพุทธรูปก็จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น
ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแแบบที่พิมพ์นั่นเอง


ในทำนองเดียวกัน การเกิดของสัตว์ เช่นเป็น ช้าง มัา วัว ควาย ฯลฯ
แม้จะมีปัญญาติดตัวมามากสักปานใดก็ไม่สามารถทำความดีได้เต็มที่ โชคดีที่เราได้แบบเป็นคน
ซึ่งเป็นโครงร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เหมาะในการทำความดีทุกประการ
พระคุณของพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้วยิ่งท่านอบรม
เลี้ยงดูเรามาเป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกนันต์


๒.เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมอบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท
ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก

Image

สมญานามของพ่อแม่

สมญานามของพ่อแม่นั้น กล่าวกันว่าท่านเป็นทั้งพรหมของลูก เทวดาคนแรกของลูก
ครูคนแรกของลูก และเป็นพระอรหันต์ของลูก
ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

-พ่อแม่เป็นพรหมของลูก เพราะเหตุที่มีพรหมธรรม ๔ ประการ ได้แก่

๑. มีเมตตา คือ มีความปรารถนาดีต่อลูกไม่มีที่สิ้นสุด
๒. มีความกรุณา คือ หวั่นใจในความทุกข์ของลูกและคอยช่วยเหลือเสมอไม่ทอดทิ้ง
๓. มีมุทิตา คือ เมื่อลูกมีความสุขสบาย ก็มีความปลาบปลื้มยินดีด้วยความจริงใจ
๔. มี อุเบกขา คือ เมื่อลูกมีครอบครัวสามารถเลี้ยงตนเองได้แล้ว ก็ไม่วุ่นวายกับชีวิตครอบครัวลูกจนเกินงาม และหากลูกผิดพลาดก็ไม่ซ้ำเติม แต่กลับคอยเป็นที่ปรึกษา ให้เมื่อลูกต้องการ

-พ่อแม่เป็นเทวดาคนแรกของลูก เพราะคอยปกป้องคุ้มกันภัยเลี้ยงดูลูกมาก่อนผู้มีความปรารถนาดีคนอื่น ๆ
-พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก เพราะสั่งสอนอบรม คำพูดและกิริยามารยาทให้ลูกก่อนคนอื่น ๆ
-

พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เพราะมีคุณธรรม ๔ ประการ ได้แก่

๑. เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ลูก ท่านได้ทำภารกิจอันทำได้แสนยาก ได้แก่การอุปการะเลี้ยงดูลูก ซึ่งยากที่จะหาคนอื่นทำแก่เราได้อย่างท่าน
๒. เป็นพระเดชพระคุณมาก ปกป้องอันตราย ให้ความอบอุ่นแก่ลูกมาก่อน
๓. เป็นเนื้อนาบุญของลูก มีความบริสุทธิ์ใจต่อลูกอย่างแท้จริงเป็นผู้ที่ลูกควรทำบุญต่อตัวท่าน
๔. เป็นอาหุไนยบุคคล เป็นผู้ควรแก่การรับของคำนับ และการนมัสการของลูก

คุณธรรมของลูก

เมื่อพ่อแม่มีพระคุณมากมายปานนี้ ลูกจึงควรมีคุณธรรมต่อท่าน
คุณธรรมของลูกเริ่มที่รู้จักคุณพ่อแม่ คือ รู้ว่าท่านดีต่อเราอย่างไร
สูงขึ้นไปอีกคือตอบแทนคุณท่าน


Image

ในทางศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบรรยายคุณธรรมของลูกไว้อย่างสั้น ๆ
แต่จับความไว้ได้อย่างครบถ้วน คือคำว่า "กตัญญู กตเวที"

คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นลูกรวมอยู่ใน ๒ คำนี้

กตัญญู หมายถึง เห็นคุณท่าน คือ เห็นด้วยใจ ด้วยปัญญา ว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่สักแต่ว่าปากท่องพระคุณพ่อแม่ปาว ๆ ไปเท่านั้น

คุณของพ่อแม่ดูได้จากอุปการะ คือ ประโยชน์ที่ท่านทำแก่เรามีอะไรบ้างที่แตกต่างจากคนอื่น
ตามธรรมดาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อจะอุปกาะใครเขาต้องเห็นทางได้ เช่น เห็นหลักทรัพย์
หรือดูนิสัยใจคอ ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าอุปการคุณของเขาจะไม่สูญเปล่า จึงลงมือช่วยเหลือ


แต่ที่พ่อแม่อุปการะเรานั้นเป็นการอุปการะโดยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ไม่ได้มองถึงหลักประกันใด ๆ เลย
เราเองก็เกิดมาตัวเปล่าไม่มีหลักทรัพย์แม้แต่เข็มเล่มเดียวยัง
ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าอวัยวะร่างกายจะใช้ได้ครบถ้วนหรือไม่
ยิ่งนิสัยใจคอแล้วยิ่งรู้ไม่ได้เอาทีเดียว โตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร จะเป็นคนอกตัญญูหรือไม่ไม่รู้ทั้งนั้น

หนังสือสัญญาการรับปากสักคำเดียวระหว่างเรากับท่านก็ไม่มี แต่ทั้ง ๆที่ไม่มี
ท่านทั้งสองก็ได้โถมตัวเข้าช่วยเหลือเราจนสุดชีวิต ที่ยากจนก็ถึงกับกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาช่วย
เรื่องเหล่านี้ต้องคิดดูด้วยเหตุผลอย่าสักแต่คิดด้วยอารมณ์เท่านั้น
การพิจารณาให้เห็นคุณของพ่อแม่ด้วยใจอย่างนี้แหละเรียกว่า"กตัญญู"
เป็นคุณธรรมเบื้องต้นของผู้เป็นลูก ยิ่งพิจารณาเห็นคุณท่านมากเท่าไร
แสดงว่าใจของเราเริ่มใสและสว่างมากขึ้นเท่านั้น


Image

กตเวที หมายถึง การทดแทนพระคุณของท่าน ซึ่งมีงานที่ต้องทำ ๒ ประการ คือ

๑.ประกาศคุณท่าน
๒.ตอบแทนคุณท่าน


การประกาศคุณท่าน หมายถึง การทำให้ผุ้อื่นรู้ว่า พ่อแม่มีคุณแก่เราอย่างไรบ้าง มากน้อยเพียงใด
เรื่องนี้มีคนคิดทำอยู่มากเหมือนกัน แต่ส่วนมากไปทำตอนงานศพ คือ เขียนประวัติสรรเสริญคุณพ่อแม่ในหนังสือแจก
การกระทำเช่นนี้ก็ถูก แต่ถูกเพียงเปลือกนอกผิวเผินนัก ถ้าเป็นการกินผลไม้ก็แค่เคี้ยวเปลือกเท่านั้น
ยังมีทำเลที่จะประกาศคุณพ่อแม่ที่สำคัญกว่านี้ คือ ที่ตัวเรานี่เอง

คนเราทุกคน คือ ตัวแทน ของพ่อแม่ตนทั้งนั้น เลือดก็แบ่งมาจากท่านเนื้อก็แบ่งมาจากท่าน
ตลอดจนนิสัยใจคอก็ได้รับการอบรมถ่ายทอดมาจากท่าน
ความประพฤติของตัวเรานี่แหละจะเป็นเครื่องประกาศคุณพ่อแม่อย่างโจ่งแจ้งที่สุด


การตอบแทนคุณท่าน แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ

๑.เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่านเลี้ยงดูท่านตอนเมื่อยามท่านชรา ดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย
๒.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็จัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ
แม้เราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ก็ยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญที่ท่านมีต่อเรา
ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำดังนี้

๑.ถ้าท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้
๒.ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทานให้ได้
๓.ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้
๔.ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้
เพราะว่าการ ตั้งอยู่ในศรัทธาการให้ท่าน การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนา เป็นประโยชน์โดยตรง และเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตัวบิดามารดาผู้ประพฤติปฏิบัติเองทั้งในภพนี้ ภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือ เป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

อานิสงส์การบำรุงบิดามารดา


๑.ทำให้เป็นคนมีความอดทน
๒.ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ
๓.ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
๔.ทำให้พ้นทุกข์
๕.ทำให้พ้นภัย
๖.ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
๗.ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
๘.ทำให้เทวดาลงรักษา
๙.ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
๑๐.ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า
๑๑.ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
๑๒.ทำให้มีความสุข
๑๓.ทำให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง



ที่มา :

www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk11.htm

นิทานเซน : อุบาสิกาถวายดอกไม้

นิทานเซน : อุบาสิกาถวายดอกไม้



มีอุบาสิกาผู้หนึ่ง ทุกๆ วันต้องตัดดอกไม้นำไปถวายพระที่วัดมิเคยขาด วันหนึ่งบังเอิญพบอาจารย์เซนอู๋เต๋อ อาจารย์เซนจึงกล่าวกับนางว่า "หากยึดตามคัมภีร์ที่ได้มีการบันทึกไว้ การนำดอกไม้ที่สดหอมมาถวายพระอย่างสม่ำเสมอ ผลบุญจะส่งให้สีกามีรูปโฉมงดงามในชาติหน้า"


อุบาสิกาผู้นั้นเล่าว่า "ทุกครั้งยามที่ดิฉันนำดอกไม้มาถวายพระ จะรู้สึกเสมือนจิตวิญญาณได้ถูกน้ำชำระล้างจนสะอาดหมดจด ทว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านจิตใจกลับฟุ้งซ่านวุ่นวาย จึงอยากสอบถามท่านว่าทำอย่างไรดิฉันจึงจะรักษาความบริสุทธิ์ของจิตใจเอาไว้ได้ในท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของโลกฆราวาส?"

อาจารย์เซนอู๋เต๋อถามกลับไปว่า "สีกานำดอกไม้สดมาถวายพระ อยากทราบว่าสีกามีวิธีรักษาดอกไม้ให้สดอยู่ได้อย่างไร?"

อุบาสิกาจึงตอบว่า "วิธีรักษาความสดของดอกไม้ ที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนน้ำในแจกันทุกวัน และก่อนที่จะนำดอกไม้ไปใส่ในน้ำใหม่ ให้ตัดปลายก้านดอกส่วนที่แช่อยู่ในน้ำทิ้งไปก่อน เพราะส่วนนั้นเป็นส่วนที่ก้านเน่าเปื่อยจนไม่สามารถดูดซึมน้ำขึ้นมาเลี้ยงดอกได้ซึ่งจะทำให้ดอกไม้เหี่ยวเฉาง่าย"


เมื่อได้ฟังดังนั้น อาจารย์เซนอู๋เต๋อจึงกล่าวว่า "การรักษาจิตใจดวงหนึ่งให้ใสบริสุทธิ์กลับมึหลักการเฉกเช่นกัน สิ่งแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่ ณ ขณะนี้ก็เป็นดั่งน้ำในแจกัน ส่วนตัวเราเป็นเช่นดอกไม้ ที่ต้องหมั่นชำระจิตใจให้สะอาด พิเคราะห์ตนเอง ทำความดี ละเว้นความชั่ว จึงจะสามารถซึมซับธรรมมะเข้ามาในชีวิตได้"


อุบาสิกาได้รับคำสั่งสอนก็ยินดียิ่ง จากนั้นจึงกราบลาอาจารย์เซนพลางกล่าวว่า "ขอบคุณท่านที่ชี้ทางสว่าง ดิฉันหวังว่าวันหนึ่งจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตศึกษาพระธรรมที่วัดแห่งนี้ สดับรับฟังเสียงระฆังทำวัตรและการสวดมนต์ภาวนา ผ่านชีวิตด้วยความสงบสุข"


ทว่าอู๋เต๋อไต้ซือกลับบอกนางว่า "ลมหายใจของสีกาคือเสียงสวดมนต์ ชีพจรคือเสียงย่ำระฆัง ร่างกายคืออารามศักดิ์สิทธิ์ สองหูคือพุทธะ เช่นนี้ยังมีที่ใดไม่สงบสุข ไม่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตในวัดก็สามารถรักษาจิตใจให้สงบพิสุทธิ์ได้ด้วยตนเอง ในทางกลับกัน หากจิตใจไม่อาจขจัดความฟุ้งซ่าน แม้ว่าร่างกายจะอยู่ ณ อารามลึกเร้นในหุบเขาก็มิอาจพบความสงบสุข ..."เซน" เน้นย้ำให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ฉะนั้นใยต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้"


ปัญญาเซน : ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจของเรานี้เอง


ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ปลุกพลัง+

ถึงพ่อแม่หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อเป็นแม่เวลาพูดกับลูก ๆ ควรทำแบบนี้





ดูแล้วคิดแบบนี้ไหม

ซักมือ !!!!!!

เมื่อมันมีอยู่ว่า ผัวเมียคู่หนึ่งเวลาจะหลับนอนกันจะใช้คำพูดเฉพาะและคำนั้นก็คือ "ซักผ้า"
แต่เรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อมาถึงวันแดงเดือดของภรรยา สามีเกิดอาการ จิตหงุดเงี้ยว ขึ้นมาเรยต้องพึ่งภรรยา
บทสนทนามีดังนี้
สามี : "เธอจ๋าเรามาซักผ้ากันไหมไม่ได้ซักนานแล้วเดี๋ยวผ้าใช้งานไม่ได้นะ"
ฝั่งภรรยาตอบว่า
ภรรยา : "ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้เครื่องซักผ้าใช้งานไม่ได้ เครื่องพังค่ะวันนี้"
แต่สามีก็ไม่ย่อท้อเลยอ้อนวอนต่อว่า
สามี : "น่านะ....ซักแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกน่า นะนะนะ"
ภรรยากำลังรำคาญสามีแบบสุด ๆ เลยตวาดกลับไปว่า
ภรรยา : "น่ารำคาญจริง จะไปทำอะไรที่ไหนก็ไปซะ ไป!!!!"

พอวันรุ่งขึ้น เธอพร้อมแร้วที่จะซักผ้ากับสามีและด้วยสำนึกผิดที่ตวาดสามีไปเมื่อวานเธอจึงชวนสามีซักผ้า
ภรรยา : "คุณขา เรามาซักผ้ากันไหม"
สามีตอบว่า
สามี : "ไม่เอา"
ภรรยา : "อ้าวทำไมล่ะ"
สามี : "ผมเหนื่อยแล้ว เมื่อวันซักมือไปหลายรอบ"


บร๊ะรู้สึกมุขจะแป๊ก - -a

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

คนขี้เหงา กับสาวใกล้่บ้าน ตอนที่ 2(จบ)

และแล้วก็มาถึงวันสงกรานต์ผมก็ยิ่งมีความสุึขไม่ใช่ว่าเพราะผมได้เล่นน้ำจนเปียก แต่ผมได้นั่งมองน้องเหมียวเล่นน้ำจนเปียกมากกว่าเพราะเธอใส่เสื้อสีขาวเล่น น้ำคิดดูเสื้อสีขาวเวลาโดนน้ำมันจะเป็นยังไงแต่เสียใจไม่ใช่อย่างที่หลาย ๆ คนคิดเธอเล่นใส่ซะ 3 ชั้นเห็นจะได้เพราะเห็นแต่เสื้ออย่างเดียวเลยอดดู 55555 ถึงผมไม่ได้เล่นสงกรานต์แต่ก็มีความสุขเพราะน้องเหมียวทำให้หัวใจ(เหี่ยว ๆ)ของผมสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว ลองนึกถึงตอนมีแฟนครั้งแรกสิคงจะพอเข้าใจว่าหัวใจมันพองโตเหมือนจะระเบิดออกมา แค่คิดถึงก็มีความสุขแล้ว ยังเคยคิดว่าจะจีบน้องเหมียวดีไหมแต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าอย่าดีกว่าเด็กสาวต้องอยู่คู่กับความสดใสและน่ารักสิถึงจะถูก ผมอยากเห็นเธอเป็นอย่างนี้ไปนาน ๆ มากกว่าที่จะมาคบกับผม(หรือใคร)แล้วต้องมาเครียดเพราะความรักมันดูไม่เหมาะกับเธอเลย สรุปว่าผมชอบที่จะมองน้องเหมียวอยู่ใกล้ ๆ (ก็บ้านใกล้กันนี่นา)มากกว่าที่จะครอบครองเธอ


ต้องขอบคุณน้องเหมียว(นามสมมุติ)ที่ทำให้ผมมีความสุขอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มาหลายปี

คนขี้เหงา กับสาวใกล้่บ้าน ตอนที่ 1

คิดว่าความรู้สึกแบบนี้คงจะมีหลาย ๆ คนรู้สึกแบบผมบ้างอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต(แต่ผมคิดว่าหลายคนคงเจอเยอะกว่านี้แน่) ความรู้สึกที่ว่าก็คือแอบชอบนั่นเอง เรื่องมันก็มีอยู่ว่า น้อง(ไม่รู้ชื่ออะไรไม่เคยถาม)แต่ผมจะเรียกว่าเหมียวก็แร้วกัน น้องเหมียว(นึกถึุงแมวเรย)น่าจะเป็นลูกหรือไม่ก็หลานของเจ้าของร้านขายของชำหน้าบ้านผม น้องเหมียวแซวผมแทบทุกวันที่ไปซื้อของตอนแรก ๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะในหัวคิดแต่เรื่องงานเท่านั้นพอเจอหน้าบ่อย ๆ ก็รู้สึกว่าน้องเหมียวน่ารักขึ้นมาดื้อ ๆ น้องเหมียวเธอเป็นเด็ก(อายุน่าจะ 15 ได้ล่ะมั้ง)ที่ดูกี่ทีก็สดใส น่ารัก เห็นแล้วรู้สึกสบายตา และสบายใจตามประสาเด็กนั่นล่ะนะ เอ...หรือว่าผมเป็นพวก Lolicon(โลลิค่อน) น้องเหมียวทำให้ผมมีความสุขกับการนั่งมองเธอยิ้มและหัวเราะ ทุกวันตั้งแต่นั้นผมเวลาผมว่าง ๆ ผมก็มักจะมองออกไปที่ร้านค้าหน้าบ้านเพราะได้เห็นหน้าน้องเหมียวแล้วมันรู้สึกดีอย่าง่บอกไม่ถูกเลยทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

ไวรัสเควี่ย ๆ ทำให้เราเข้าวินโดว์ไม่ได้

วันนี้ตอนดึก ๆ ลูกค้าที่ผมได้ดูแลอยู่มีปัญหาคือคอม ฯ ของเขามีปัญหาเข้าวินโดว์ไม่ได้
อาการประมาณว่าเข้าวินโดวปุ๊ป logoff ปั๊บแล้วจะมาอยู่ตรงที่หน้าที่ให้เรา login เข้าสู่ระบบ
ซึ่งปกติไม่ได้ตั้งระหัสผ่านเข้าวินโดวแต่ทำไมมันมาอยู่หน้านี้กัน คือตอบคือ  ไวรัส  นั่นเอง
ไวรัสตัวนี้แก้ไม่ยากแต่ต้องมีตัวช่วยนิดหน่อยนะครับเรามาดูสาเหตุกันก่อนนะว่ามันเกิดอะไรกันขึ้นมา

สาเหตุ
เจ้าไวรัสตัวนี้มันไปแก้พาธของระบบทึ่จะนำเราเข้าสู่วินโดว์ให้ชี้ไปที่อื่นแล้วเอาโปรแกรมของไวรัสเองไปแปะไว้แทน
 
วิธีแก้ไขและอุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. แผ่น WinPE หาจาก google หาไม่ยากครับ
2. boot เครื่องใหม่ด้วยแผ่น WinPE ครับ เลือกเป็นโหมดของ Windows PE
3. ไปที่ Start > Standard Programs > avast! Recovery Tools > Registry edit
4. เลือก OS ที่เราใช้งาน
5. ให้ไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE > SOFTWARE > Microsoft > Windows NT > CurrentVersion > Winlogon
6. หา Registry ที่ชื่อว่า Userinit แล้วแก้ Value เป็น
 C:\Windows\System32\Userinit.exe (***C:\Windows ถ้าติดตั้ง Windows ที่อื่นให้แก้เป็นตามนั้น)
7. เอาแผ่น WinPE ออก และ Restart

แค่นี้เราก็สามารถLogon เข้า Windows ได้ตามปกติแล้วจ้า

ติดตรงไหนสงสัยอะไรก็ถามกันได้นะครับไม่หวงวิชา

เครดิต  http://share.psu.ac.th/blog/env-it-beforeloss/10320


 


วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

เป็นห่วงเพื่อน

ผมได้รู้จักคน ๆ หนึ่งซึ่งเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ๆ ตามความคิดผมเขาก็เป็นคนเก่งในระดับหนึ่งทีเดียว แต่ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาลศิริราชเพราะป่วยหนักไวรัสเข้าสมองไม่รู้ว่าเป็นไงบ้างเห็นห่วงเหมือนกันแต่ก็ได้แค่ห่วงอยู่ไกล ๆ เท่านั้นก็หวังว่าเพื่อนคนนี้คงจะหายในเร็ววัน

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ฟังเพลงเพราะ ๆ กันดีกว่า

เปิดไปเจอเพลงบน Youtube  โดนใจเรยทีเดียว

แพ้คำว่ารัก


ภาคต่อ

จบแบบนี้มันโอเคเรยทีเดียวล่ะครับ

ฝันถึงแฟนเก่า

ปกติก็ไม่เคยคิดถึงแฟนเก่าเลยสักคนแต่คืนนี้ฝันถึงแฟนเก่าซะงั้นก็ยังสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าอะไรทำให้ฝันแฟนเก่า หรือว่าเพราะเราไม่มีใครมานานเลยทำให้ฝันถึงแต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าจะใช่เพราะมีความสุขกับการอยู่กับตัวเองแต่ว่าฝันแล้วเล่นเอาซะนอนไม่หลับเลยทีเดียวตื่นมาก็เกือบตี 3 เลยต้องมานั่งเขียน blog ยังสงสัยไม่หายกับความฝันนั้นก็เลยมาหาใน google เพื่อทำนายฝัน(ก็คนมันสงสัย)
ได้ผลมาว่า

ผลการทำนายคำว่า ฝันถึงแฟนเก่าของแฟนเรา
ฝันฝันถึงแฟนเก่าของแฟนเรา วันไม่รู้ ท่านว่าจะได้รับมอบหมายจาก ผู้มีอำนาจ ให้ทำงานบางอย่าง
ตัวเลขนำโชค ได้แก่ 31

แล้วก็มานั่งคิดอีกว่าเอ....แล้วใครจะมามอบหมายงานให้เรานะ ว่าแล้วก็เลิกคิดกลับมานั่งเขียนเว็บต่อเขียนเว็บนานแร้วไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างซะทีเมื่อไหร่จะเสร็จสักทีนะ